วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

แรงบาลดาลใจ เสียงดนตรี และกีต้าร์

จำได้ว่าเมื่อตอนอายุสักสามสี่ขวบ พี่ชายผมไม่รู้ไปเอากีต้าร์ของใครมาหัดเล่นที่บ้าน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเครื่องดนตรีชนิดนี้จริงๆใกล้ๆเป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรเลย ผมก็ดูๆแล้วก็ลืมๆไป แล้วก็เห็นศิลปินน้องร้องในสมัยนั้นเขาเล่นดนตรีออกทีวีกัน สมัยก่อนก็ต้องรายการโลกดนตรีละครับ แต่ที่อยู่มายาวนานจนถึงวันนี้เห็นจะมีอยู่เจ้าเดียว นั้นคือเจ็ดสีคอนเสิร์ตครับ คนสมัยนั้นก็ชอบไปดูฟรีคอนเสิร์ตกันครับ ไม่ได้ไปกันธรรมดา ควรจะเรียกว่า แห่ กันไปดูน่าจะเหมาะกว่า เพราะดูแล้วคนเยอะมากๆ ในแต่ละสัปดาห์ บนเวทีคอนเสิร์ต ที่โดดเด่นสะดุดตาคนดูอย่างผมก็จะเห็นแต่นักร้องนำและเล่นกีต้าร์นี่แหละครับ รู้สึกว่าคนเล่นกีต้าร์นี่ มันเท่ดีแฮะ อยากเป็นศิลปินแบบเขามั่งจัง เวลาบอกคนดูให้กรี๊ดก็กรี๊ด ไม่บอกอะไรก็กรี๊ด บอกให้ยกมือตบมือก็เอ้า ตามใจ โบกมือไปทางซ้าย เอ้า ซ้าย โบกไปทางขวา เอ้า จะรออะไร ก็ขวาสิครับ มักจะเป็นกันอย่างนั้นเสมอเวลาที่ผมดูคอนเสิร์ตในทีวี ดูเหมือนศิลปินจะมีอิทธิพลกับคนดูมากๆใช่ไหมครับ ว่ากันตั้งแต่การแต่งเนื้อแต่งตัว ทรงผมที่เป็นรูปลักษณ์ภายนอก ความคิดความอ่านการพูดการจาที่เป็นบุคคลิกภาพภายใน คนส่วนนึงและโดยมากมักจะเป็นวัยรุ่นก็มักจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปินดารากันมาซะส่วนใหญ่ สมัยนี้ก็คงมีเรื่องไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตรวมเข้าไปด้วยสินะ






จะว่าไปแล้ว ช่วงเวลาที่ผมยังเด็กและเริ่มจำความได้นั้น มันเป็นยุคที่สื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ครองเมือง มันเข้าถึงบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง และเข้าถึงได้ง่ายด้วยครับ กำลังบูมสุด ธุรกิจการค้าใดๆ ถ้าหากได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยสื่อสามแขนงนี้ มักจะได้รับผลในทางบวกเสมอ เม็ดเงินในธุรกิจการโฆษณานั้นมีมูลค่ามหาศาล วิชาชีพสื่อสารมวลชน จึงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนมากมาย กระหายอยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น จนกระทั่งการมาถึงของอินเทอร์เน็ต แม้กระนั้น อินเทอร์เน็ตก็ยังต้องใช้เวลากว่ายี่สิบปี ในการพัฒนาของตัวมันเองโดยผู้ให้บริการและผู้บริโภค จากสื่อเฉพาะกลุ่มที่มีคนใช้งานจำนวนจำกัดในแวดวงธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่และการศึกษา ในมหาวิทยาลัย ก่อนจะขยายตัวออกไปจนได้รับความนิยมในวงกว้าง ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนทั่วไป ในฐานะสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน ทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร ข้อมูลข่าวสารและธุรกิจการค้า ข้อได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่น ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร ความสะดวกในการเข้าถึงในทุกที่ทุกเวลา สามารถทลายข้อจำกัดเดิมๆของสื่อเก่าทั้งสามแขนงลงไป และสื่อเก่าถูกลดบทบาทลงไปโดยปริยาย เม็ดเงินส่วนหนึ่งในงบประมาณการโฆษณาจากสื่อหลักทั้งสาม ถูกดึงมาสู่โลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า และให้ผลดีกว่าเมื่อเทียบกับสื่อเก่า และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆต่อไป




ช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ผู้อ่านคงได้ยินข่าวการปิดตัวลงของนิยสารหลายเล่ม ซึ่งบางเล่มนั้นมีมายาวนานกว่าตอนที่ผมเกิดซะอีก น่าเศร้าที่สื่อสิ่งพิมพ์ที่เคยสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทยของเราเหล่านี้ ต้องถึงคราวกล่าวอำลาผู้อ่านไป แต่ผมก็ยังได้รับรู้มาบ้างว่า นิตยาสารบางเล่มที่ปิดตัวลงในรูปแบบสิ่งพิมพ์ ก็กลับมาเปิดตัวด้วยการอวตารมาในร่างใหม่ในโลกออนไลน์นี่เอง ครับ ก็ต้องปรับตัวกันหน่อยเพื่อความอยู่รอด โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว




ช่วงที่ผมเริ่มเรียนม.ต้น พี่ๆของผมมักจะมีเทปคาสเซตของศิลปินทั้งไทยและเทศมาเปิดฟังกันที่บ้านเสมอๆ ทั้งที่ซื้อบ้าง หยิบยืมเพื่อนมาฟังบ้างคละๆกันไป ผมคิดว่ามันค่อนข้างราคาสูงอยู่พอสมควรนะสมัยนั้นน่ะ เจ็ดสิบแปดสิบบาทต่อม้วนแน่ะ ในขณะที่สุราแม่โขงยังขวดละร้อย บุหรี่กรองทิพย์ซองละสิบสี่บาท ก๋วยเตี๋ยวก๋วยจั๊บก็อยู่ที่ชามละสิบบาท ก็ถือว่าเอาการอยู่สำหรับวัยรุ่นที่ยังหารายได้เองไม่ได้ กว่าจะได้มาฟังแต่ละม้วนก็ต้องอดข้าวกันเป็นอาทิตย์ๆเพื่อเก็บตังค์มาซื้อละครับ ส่วนอัลบั้มเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีของผม ก็เห็นจะเป็น อัลบั้มชุด บันทึกการเดินทาง ของศิลปินเพื่อชีวิตเลือดใหม่(ในสมัยนั้น) ของวงการ ครับ พี่ปูพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ คนนี้นี่เอง ชุดนี้เป็นงานชุดที่สอง จากชุดที่หนึ่งคือชุด เสือสิบเอ็ดตัว ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย ทั้งยอดขายและความนิยมในหมู่มวลนักฟังเพลง ในอัลบั้มชุดบันทึกการเดินทาง ก็จะมีเพลงฮิตๆอย่างเพลง ผีโรงเย็น ถึงเพื่อน คิดถึง เธอผู้เสียสละ อยู่คนเดียว ว่ากันจริงๆแล้ว เพลงสมัยนั้นอัลบั้มนึงมักจะได้รับความนิยมกันหลายเพลง ศิลปินบางรายอาจจะฮิตทั้งอัลบั้มก็มีมากมายเช่นกัน นั้นอาจเป็นเพราะพฤติกรรมการฟังของคนฟังสมัยนั้นด้วย คือมักจะเปิดฟังไปจนครับทุกเพลงทั้งสองหน้า ทั้งหน้าเอและบี(ไม่ใช่เกงในนะครับ เอิ้กๆๆๆ)เรียกว่าฟังกันยาวๆในคราวเดียว สะกดจิตตัวเองด้วยเพลงของศิลปินที่ชื่นชอบทีนึง ก็ราวๆชั่วโมงครึ่งละครับ อัลบั้ม บันทึกการเดินทางของพี่ปู ก็จะถูกเปิดด้วยเครื่องเสียงสเตอริโอไพโอเนียของพ่อในแทบจะทุกครั้งที่พ่อไม่อยู่ (พ่อแกก็จะฟัง ชรินทร์ นันทนาคร หยาดนภาลัย สุเทพ วงศ์คำแหง วินัย พันธุรักษ์ ลูกทุ่งบ้าง สลับกับตลกบ้างแล้วแต่อารมณ์แก)เพลงของพี่ปูก็ติดหูง่ายครับ อัลบั้มชุดนี้ออกมาไม่นานก็ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องราวชีวิตของนักดนตรีหนุ่มคนนี้ก็ได้เริ่มถูกเล่าขานต่อๆกัน เขาเป็นใคร มาจากไหน เขาเดินทางมาสู่จุดนี้ได้อย่างไร นั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าค้นหามากๆสำหรับ เด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นอย่างผมและใครอีกหลายๆคน สมัยนี้เค้าคงเรียกว่า ไอดอล นั่นแหละ ผ้าโผกหัว กอดกีต้าร์ ตาโรยๆ เป็นภาพจำของพี่ปูในหัวของผมตอนนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมสนใจที่จะเล่นกีต้าร์และแต่งเพลงเป็นครั้งแรกเหมือนพี่ปูจากอัลบั้มชุดนี้ของแกนั้นเอง




คุณผู้อ่านจำเพื่อนของผมที่เสียชีวิตเพราะการดื่มได้ไหมครับ เพื่อนคนนี้เป็นคนเอากีต้าร์มาหัดเล่นที่โรงเรียนเป็นคนแรกๆครับ ก็ฮือฮากันพอสมควรสำหรับเพื่อนๆในห้องไอ้ผมก็ได้แต่เมี่ยงมองมันหัดจับคอร์ด ตีคอร์ดโน้นนี่ไปเรื่อย ในใจคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับผม แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังได้ขอกีต้าร์ของเพื่อนมาลูบๆคลำๆซะหน่อยเหมือนกัน มันเจ็บนิ้วชะมัดเลยครับเวลาเราใช้นิ้วกดสายกีต้าร์เนี่ยคุณผู้อ่านที่เคยหัดเล่นคงจะจำความรู้สึกแบบนั้นได้นะ ผมว่า ช่วงเวลาที่ผมเรียนม.ต้นนั้น ยังมีวงดนตรีไอดอลที่ไม่พูดถึงเลยก็คงทำให้ไม่ได้บรรยากาศกลิ่นอายของยุคนั้นได้สมบูรณ์นัก แนวเพลงคันทรีร็อคนั้น ในเมืองไทยถือว่าใหม่มากๆ แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมี แค่เพียงจะไม่ชัดเจนโดดเด่นเท่าวงนี้เท่านั้นเอง ท่านผู้มีเกียรติครับ ผมกำลังพูดถึงวงอินคา อัลบั้มชุดแรก คนล่าฝัน นักดนตรีหนุ่มผมยาวหกคน มาพร้อมกับแนวเพลงลูกทุ่งอเมริกัน และแน่นอน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพวกเขาก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน สไตล์คาวบอยตะวันตก เพลงแรกที่ปล่อยออกมาสู่โสตประสาทของสาธารณชน ก็ได้รับการตอบรับที่ดียิ่ง กระแสความแรงของเพลงส่งผลให้คลื่นวิทยุต่างๆต้องเปิดให้ผู้ฟัง ฟังกันทุกวัน วันละหลายๆครั้ง เหมือนเพลงฮิตทั่วๆไปตามสูตร วัยรุ่นอย่างผมก็อยากร้องอยากเล่นดนตรีมากขึ้นแล้วในตอนนั้น ความหลงไหลคลั่งไคล้ในเสียงเพลงเสียงดนตรีมันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆและมันกำลังผลักดันให้ผมเริ่มต้น




งานกิจกรรมการออกร้านของโรงเรียน มักจะมีกิจกรรมอื่นๆเสริมเพิ่มเติมเข้าด้วย เช่น การประกวดวงดนตรีของนักเรียนเป็นต้น ในปีการศึกษาแรกของนักเรียนม.หนึ่งอย่างผม การได้มีประสบการณ์ชมการประกวดวงดนตรีของโรงเรียนนั้นมันได้เปิดโลกทัศน์ของผมให้กว้างขึ้นอีกมากโข ช่างน่าประทับใจนัก ไม่เพียงแต่ฝีไม้ลายมือของวงดนตรีต่างๆที่เข้าประกวดเท่านั้น การได้เห็นนักเรียนสาวม.ปลาย น่ารักๆ อย่างเธอคนนั้น นักเรียนหญิงม.4 ในชุดนักเรียน ผมสั้นเสมอหู ขาวหมวยรูปร่างกะทัดรัด ยืนลีดกีต้าร์อย่างสุขุมมั่นอกมั่นใจไม่แพ้นักกีต้าร์มืออาชีพที่เคยเห็นในทีวีเลยแม้แต่น้อยนั้น ยิ่งทำให้งานออกร้านของโรงเรียนตราตรึงใจไปอีกนานแสนนาน ภาพของเธอวันนั้น ยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้ และตลอดสามปีที่เรียนม.ต้น ผมก็มีเธอเป็นขวัญใจเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แม้เธอจะไม่เคยรับรู้เลยก็ตาม แหะๆ มันเป็นฝันกลางวันของหนุ่มน้อยซึ่งหมออ้อยเพิ่งขึ้นครับเอิ้กๆๆๆ ขวัญใจของผมคนนี้ เธอจะมีมอเตอร์ซูซูกิ อากิร่า อาร์อาร์ สีแดง ดิสก์เบรคหน้าหลัง(ค่ายซูซูกิ เข็นรุ่นนี้ออกมาสู้กับคู่แข่งอย่างฮอนด้า ที่มีรุ่นอาร์ รุ่นเอส รุ่นอาร์เอส ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็สู้ไม่ได้จริงๆ จากนั้นมอเตอร์ไซต์รุ่นเล็กของค่ายซูซูกิในเมืองไทยก็หยุดพัฒนาและไม่มีออกสู่ตลาดอีกนานเลยครับ)ขับมาโรงเรียนครับ ทุกเช้าเย็นเมื่อผ่านไปทางที่จอดมอเตอร์ไซต์ ผมก็จะคอยชะเง้อชะแง้แลมองหาเธอทุกครั้งไป วันไหนโชคดีเห็นเธอ ผมก็จะอารมณ์ดีได้ทั้งวันเลยละครับ เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆครับ สำหรับเธอผู้เป็นอีกหนึ่งในแรงบันดาลใจของผม ขนาดสาวน้อยผู้บอบบางคนนั้น เธอยังทำมันได้ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ทำได้ เธอทำได้ยอดเยี่ยมเลยต่างหาก นั่นยิ่งทำให้ผมมุ่งมันที่จะฝ่ากำแพงความคิดที่ว่า มันยากเกินไปสำหรับผม ไปให้ได้




เมื่อตอนขึ้นชั้นม.3 ผมได้ถูกชักชวนจากเพื่อนในห้องคนหนึ่งให้มาเล่นดนตรีในตำแหน่งมือเบส และร้องนำ ไม่รู้มันคิดอะไรของมัน มันอาจจะคิดว่าผมมีแววก็ได้ แต่มันคิดผิดไปเยอะเชียวครับ เอิ้กๆๆ มันบอกผมว่า เบสง่ายจะตาย จับทีละเส้น แล้วก็ดีดทีละเส้น ไม่เห็นจะยากเลย ผมก็เออว่ะ จริงของมึง ผมเชื่อคนง่ายครับ เอาไงเอากันสิวะ เอิ้กๆๆ อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ซ้อมกันในวันเสาร์อาทิตย์ประมาณสามสัปดาห์ เวลาแค่นั้นกับคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยเกี่ยวกับดนตรี ต้องบอกว่ามันกดดันมากจริงๆครับ วงเรามีสี่คน มีผมเป็นมือเบสร้องนำ เพื่อนผมเป็นมือกีต้าร์ และรุ่นน้องม.2อีกสองคนเล่นคีย์บอร์ดและมือกลอง เป็นวงที่เซ็ทขึ้นเฉพาะกิจ เพราะหลังจากจบงานโชว์และซ้อมกันอีกสองสามครั้ง พวกเราก็ตัดสินใจยุบวง ทั้งๆที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยด้วยซ้ำไป มาไว เคลมเร็วทันใจดีไหมครับ เอิ้กๆๆๆ แล้วผมก็ได้ขึ้นเล่นดนตรีบนเวทีเป็นครั้งแรกในชีวิต งานวันเด็กแห่งชาติปี2535ที่กองบินยี่สิบเอ็ด มันเป็นสามเพลงที่ทรมานและยาวนานจริงๆ (ผมจำได้สองเพลง คือมาเพื่อลาของ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง และลิปซิ้งค์ ของภุชงค์ โยธาพิทักษ์ อีกเพลงจำไม่ได้ครับ ลืม นึกไม่ออกเลย)ผมงี้สั่นไปทั้งตัว ตื่นเต้น ประหม่าที่สุดในโลก ที่เค้าว่ากันว่าตื่นเวทีนั้น ผมประสบมาด้วยตัวเองแล้ว ซาบซึ้งจนวันตายเลยละครับ ทั้งสามเพลง เราผ่านมันไปด้วยความทุลักทุเล จริงๆแล้วไม่ใช่เรา แค่ผมต่างหาก สมาชิกในวงอีกสามคนนั้น มีทักษะและประสบการณ์ชั่วโมงบินมีมากกว่าผมเยอะ และไม่ได้รู้สึกอะไรแบบผมมากมาย ยังดีที่คนดูเป็นแค่เด็กน้อยไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว และไม่ค่อยได้สนใจโชว์บนเวทีมากนัก นอกจากมีจะเกมชิงรางวัลขนมของเล่นเท่านั้น จึงจะดึงความสนใจของเด็กๆมาที่เวทีได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันเป็นประสบการณ์ที่ห่วยแตกอยู่ดี ให้ตายเถอะ




คนแถวบ้านผมนิยมเรียนม.ปลายกันน้อยครับ เค้ามักสนับสนุนให้คนเรียนสายอาชีพสายช่างกันเสียมาก ยิ่งถ้าบ้านไหนมีลูกชายนี่ยิ่งต้องให้เรียนเทคนิคเทคโนกันไปเลยครับ ถึงจะเป็นร.ร.เอกชนเค้าก็ยอมส่ง ไม่ก็จบม.3ก็ส่งเข้ากรุงเทพฯ จะเรียนจะทำงานก็ค่อยว่ากันอีกที หมู่บ้านผมมีหลุดมาคนนึงครับ ที่ไม่ได้เรียนสายช่าง แกห่างจากผมสามปี เรียนม.4ในตัวอำเภอ ตอนนั้นผมม.1เราเที่ยวด้วยกันกินเหล้าด้วยกัน ไปดูหนังฟังหมอลำด้วยกัน แอบดูดบุหรี่ด้วยกัน แก็งค์เราจะมีกันสี่คนครับ คนนึงปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพี่คนนี้และอีกคนในแก็งค์ ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ พี่คนนี้แกเป็นคนมอบสิ่งที่ล้ำค่ามากๆสำหรับผมสิ่งนึง จริงๆแล้ว มันก็มีค่ากับจิตใจของแกไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดที่พ่อซื้อให้แกครับ แต่แกกลับมอบให้ผมโดยไม่คิดเสียดายเลยสักนิด มันคือตัวแทนของมิตรภาพ น้ำใสใจจริงของเพื่อนที่พึงมีต่อเพื่อน น่าเสียดายที่ผมรักษามันไว้ไม่ได้ และผมเสียใจจริงๆ กีต้าร์โปร่งยี่ห้อโจโจ้ ราคาแปดร้อยบาท สีเปลือกมังคุดตัวนั้น เพื่อนของพี่สาวยืมไป แล้วมันก็เอาไปเลย ที่เจ็บใจก็คือ พี่สาวผมเป็นคนเอาไปให้เพื่อนมันยืมนี่แหละ ไอ้เพื่อนเวรของมัน ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาสักครั้ง แถมพี่ผมมันก็ไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง คิดแล้วยังแค้นไม่หาย



หลังจากที่แกให้ผมหยิบยืมไปหัดเล่นครั้งแล้วครั้งเล่า(กับหนังสือเพลงที่มีรูปคอร์ด เราหัดก็จับตามรูปครับ) ผมก็มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าเล่นเป็นเพลงบ้างแล้ว และพี่แกก็บอกผมแบบนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งวันนึง แกคงคิดว่ามันสมควรแกเวลาแล้ว เหมือนทุกครั้งๆที่กลับจากเรียนหนังสือ ผมจะตรงดิ่งไปที่บ้านแกโดยจักรยานคันเก่งของผม ไม่ถึงห้านาทีจากบ้านผมไปบ้านแก ผมก็เอ่ยปากยืมกีต้าร์ของแกทันที แกก็เดินขึ้นบ้านไป และหยิบกีต้าร์ตัวนั้นลงมายื่นให้ผม แล้วเอ่ยขึ้นว่า ไม่ต้องเอามาคืนแล้วนะ เอาไปเลย ผมชะงักเล็กน้อย แล้วมองหน้าแก แล้วก็มองไปที่ดวงตาของแก แกก็บอกอีกว่า เอาไปเลยไม่ต้องยืมแล้ว พี่ให้ นัยตาแกมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เหมือนกับจะบอกว่า สัตว์เอ้ย เอาไปเถอะ กูรำคาญยืมได้ยืมดีนะมึง อะไรทำนองนี้ วินาทีนั้นหัวใจผมลิงโลดพองโต แต่ก็ยังสงสัยว่าแกประชดผมรึเปล่าอยู่ดี แกเคยบอกผมนะ ว่าแกไม่เคยหยิบมาเล่นเลยตั้งแต่ได้มันมา และจะว่าไปแล้วผมเองก็ไม่เคยเห็นแกเล่นสักทีเหมือนกัน มันแปลกๆอยู่นะคุณผู้อ่านว่าไหม




หลังจากที่ได้กีต้าร์มาเป็นของตัวเองแล้ว ผมรู้สึกสุขใจเพียงใดไม่ต้องบอก ยิ้มพลางเดินพลางสบายดี มันดีไปหมดเลยครับ ผมหยิบมันมาเล่นทุกครั้งที่โอกาสอำนวย ผมพามันไปหลายที่หลายแห่ง ท่องยุทธจักรไปด้วยกัน ไปร้องไปเล่นกันในวงเหล้ากับมวลหมู่มิตรสหายเป็นเวลากว่าสี่ปี ผมรู้สึกว่าผมมีฝีมือไม่น้อย รู้สึกว่ากูก็เก่งเหมือนกันแฮะ(เริ่มลำพองตนแล้ว) แต่ในความเป็นจริงเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนนั้น คำว่าเก่ง มันไกลห่างจากผมเป็นล้านๆปีแสงทีเดียว แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังห่างไกลอยู่มากเหลือเกิน (คุณผู้อ่านอาจสงสัย ในเมื่อห่างเป็นล้านๆปีแสง แล้วมึงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรไอ้เฮิร์บ คืองี้ครับ อีตอนที่ฝีมือของผมมันยังอยู่แอนโดรมีด้ากาแล็คซี่อันไกลโพ้นนั้น ตอนนั้นผมเห็นยานเอ็นเตอร์ไพรซ์ของกัปตันเคิร์กแล่นผ่านมาพอดี ผมเลยโบกยานแก แกก็เลยจอดรับผมขึ้นยาน แล้วก็พาฝีมือพอก่ำก่าของผมวาร์ปมาโผล่ที่บล็อกที่ชอบที่ชอบนี่ละครับ ขำๆนะครับ อย่าซีรีอัส เอิ้กๆๆๆ)เล่นมากว่ายี่สิบปีแล้วยังไม่เก่งเลย แล้วจะเล่นไปทำไม เสียเวลา คุณผู้อ่านอาจจะถามแบบนี้ จริงๆแล้วผมก็ถามตัวเองเหมือนกัน ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกสนุกและเป็นหนึ่งเดียวกับดนตรีหรือเสียงเพลงนี่ละครับซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เล่นที่เก่งหรือไม่หรือคุณเป็นแค่ผู้เสพผู้ฟังมันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด มันคงเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เราได้ผ่อนคลาย ปล่อยวาง ปลดเปลื้องทุกสิ่งทุกอย่างออกไปชั่วคราวได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นเองกระมัง อาจจะเป็นเหมือนสภาวะไรน้ำหนัก เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วง หรืออาจเป็นเพราะว่า ผมยังไม่เข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกนั้นเลยจริงๆก็เป็นได้ ผมคงต้องค้นหาคำตอบนั้นต่อไป  
โปรดติดตามตอนต่อไป ....ดีไหมหว่า











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...