วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หายนะกับความบันเทิง

เวลาดูหนังแอ็คชั่นจากฮอลลีวูด ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ขาดความฉิบหายวายป่วง ความวุ่นวายโกลหลไม่ได้ ภาพความหายนะเหล่านั้น เมื่อมันอยู่บนแผ่นฟิลม์ มันก็สร้างความบันเทิงให้คนดูได้ ยิ่งหายนะสมจริงสมจังมาก ยิ่งก็ยิ่งรู้สึกบันเทิงมาก รู้สึกทึ่งว่าเค้าทำกันอย่างไร หนังมันถึงออกมาได้โดนใจอย่างงี้  แต่หนังก็คือหนัง หนังจบก็จบ เมื่อเราตระหนักได้อย่างนั้น ความรู้สึกต่างๆกับหนังก็มลายหายไปกับเวลา
หากแต่เพียง เราอาจซึมซับเอาภาพเหล่านั้นไว้ บ่อยๆ เยอะๆ นานวันเข้า มันจะเกิดผลกระทบอย่างไรกับเราบ้างหรือไม่
สำหรับผม มีผลกระทบอย่างนี้ครับ มันค่อยเกิดขึ้นทีละน้อยตามปริมาณของหนังที่ได้ดูตามกาลเวลาที่ผ่านมา ผมเริ่มแยกแยะความจริงกับเรื่องมายาไม่ค่อยออก แล้วมันเสียหายตรงไหนนะเหรอครับ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยรู้สึกว่ามันจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผมเองหรือใครๆเลย แต่ผมรู้สึกชินชากับภาพเหตุการณ์รุนแรงเหล่านั้นเสียแล้ว
เมื่อครึ่งแรกของปีนี้ มีข่าวเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้นในทุกๆมุมโลกให้ได้เห็นอยู่เสมอ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ ความหายนะได้เกิดขึ้นและกระจายวงกว้างออกไปสู่มนุษย์ทุกสีผิวในหลากหลากรูปแบบอย่างทั่วถึงกัน แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ น้ำท่วม พายุ ดินถล่ม แผ่นดินยุบ ภัยแล้ง นี่แค่ธรรมชาติทำยังบรรยายได้ไม่หมด ไหนจะมนุษย์ทำเองอีกเป็นพะเรอเกวียน ล่าสุดก็อุบัติเหตุที่บ่อน้ำมันของบีพี สร้างความเสียหายไปทั่วอ่าวเม็กซิโก  แม้ถึงวันนี้เองประเทศไทยก็ยังประสบปัญญหาภัยแล้งอย่างหนัก และผู้เขียนเองยังรู้สึกว่าปีนี้มันแล้งมากจริงๆ ตั้งแต่เกิดจากท้องแม่มา ก็ปีนี้ละครับสุดๆเลย มิหนำซ้ำยังได้ยินข่าวแว่วๆว่าปีหน้าจะหนักกว่านี้ และจะหนักขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปี ฟังแล้วเซ็งครับ ไม่บันเทิงเอาเสียเลย
พอฟังไปก็เซ็งแต่พอลืมผมก็กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ไม่ได้แก้ไขอะไร ผมก็แค่คนๆนึง จะมีปัญญาไปแก้ไขอะไรได้ ปัญหาเหล่านี้มันใหญ่เกินตัวผม
ลองนึกเล่นๆ ถ้ามีคนคิดอย่างผมเยอะๆนี่ ก็เริ่มไม่ดีแล้ว
ผมยังเคยคิดด้วยซ้ำ ว่าที่เราเห็นในข่าวน่ะ มันอาจเป็นแค่ฉากๆนึงที่จะไปโผล่ในหนังซักเรื่องของฮอลลีวูดก็เป็นได้ คิดอย่างงี้ได้ก็เริ่มหายเซ็ง เริ่มบันเทิงขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
ในความเป็นจริงผู้ประสบเคราะห์กรรมเหล่านั้นเค้าไม่บันเทิงกับผมแน่ๆ ผมโคตรจะแน่ใจเลย
สาเหตุและแนวทางการแก้ไข ผมคิดว่าทุกวันนี้เราก็น่าจะทราบๆกันดีอยู่แล้ว
แล้วผมทำอะไรบ้างนะเหรอ เหอๆๆ อย่างที่บอกไปข้างต้น ผมชินชากับมันเสียแล้ว มันขาดแรงกระตุ้นและแรงจูงใจสิ้นดี สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ดนตรีศิลปะ และสุนทรียภาพ

โดยส่วนผมเอง ผมมองดนตรีและศิลปะในเชิงบวก เป็นแรงบันดาลใจ เป็นความงาม ความหวัง ความรุ่งโรจน์ของสติปัญญา หลายๆครั้งผมได้มีโอกาสสัมผัสกับงานศิลปะในอีกด้านนึง ซึ่งตรงกันข้ามมุมมองของผมอย่างสิ้นเชิง มันคือ ความมืดมน สิ้นหวัง เศร้าหมอง ความเคียดแค้น ชิงชัง
ผมจึงได้เรียนรู้อีกว่า การแสดงออกถึงความคิดในตอนที่มนุษย์ถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า ดนตรีและศิลปะนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เกิดจากความสุขแต่เพียงด้านเดียว เช่นเดียวกับที่มนุษย์ได้ตระหนักว่าในชีวิตของคนหนึ่งคนนั้น มันเต็มไปด้วยความสุขสมหวังผสมกับความทุกข์เศร้าตรมในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ตามอัตลักษณ์ อัตตภาพ ตามความเป็นปัจเจกของแต่ละคน ความรู้สึกของผู้ที่ถ่ายทอดออกมาในช่วงเวลานั้น จึงเป็นตัวกำหนดทิศทางของสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ   และยังไม่รวมถึงการตีความของผู้รับ ผู้เสพงาน ว่าจะตีความไปในทางใด นั้นยังไม่รวมถึงการไม่มีการตีความแปลความหมายใดๆเลย ใช้เพียงความรู้สึกจากรสสัมผัสในครั้งแรก เป็นตัวบ่งชี้ ว่ายอมรับหรือไม่เท่านั้นเอง หลายๆครั้งผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับงานด้านลบ ด้านมืด หรืดสุดแท้แต่จะเรียก ซึ่งก็เกิดขึ้นเสมอๆโดยไม่แพ้ความรู้สึกด้านบวก และไม่ใช้อาจเป็นมาตรฐานในการในการกำหนดรสนิยมในการเสพดนตรีและงานศิลปะของผู้อื่นได้เลย
หากตีความคำว่าสุนทรีภาพแล้ว หากจะให้ความสำคัญที่ความหมายด้านบวกแต่ด้านเดียว ออกจะไม่เป็นธรรมนัก เพราะในความเป็นจริง มีผู้คนบางคน ซึ่งอาจจะมีมากมายกว่าที่เราคาดไว้  ที่มีพึงพอใจที่จะได้เห็น ความหายนะ ความวุ่นวายโกลาหล ความไม่สงบ ทั้งภายนอกและภายในจิตใจคนอื่น ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ผมได้กล่าว จะมีมูลความจริง แต่เมื่อใดที่ผมได้ลองนึกทบทวน ไปในบางสภาวะ บางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมา ยกตัวอย่างให้เห็นอย่างง่ายและพอให้เห็นภาพชัดเจน ในตอนที่ดูหนัง อ่านนิยาย หรือแม้แต่ในบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์เรา เมื่อเราเห็นตัวโกงตัวร้ายในเรื่อง ศัตรูของคุณ เพลี่ยพล้ำให้กับพระเอกหรือตัวคุณ เมื่อจุดจบของตัวโกงเหล่านั้นใกล้มาถึง ผมเองอยากจะเห็นตัวโกงตัวร้ายเหล่านั้นมีจุดจบที่ทำให้ผมรู้สึก สาแก่ใจ กับสิ่งชั่วร้าย ที่ตัวละครเหล่านั้น เคยทำมา เคยทำกับคุณ หรือคนที่คุณรักเคารพ ใช่ครับ คำว่าสาแก่ใจหรือสะใจนี่เอง คือแรงกระตุ้นที่อยากให้ผมเห็นความรุนแรง ความหายนะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ขอให้มันเป็นสิ่งเลวร้ายมากๆ สำหรับตัวละคร หรือคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนิยาย ละครหนัง หรือในชีวิตจริง ผมจะพึงพอใจมากๆ เมื่อหายนะเหล่านั้นมาถึงคนจำพวกนี้อย่างรวดเร็วทันใจและรุนแรง และอย่างสาสม        รึว่า มันก็คือสุนทรียภาพในอีกด้านนึงนั่นเอง        เอ ..รึผมจะตีความความหมายของสุนทรียภาพผิดไปซะก็ไม่รู้
ไว้ต่อตอนหน้าครับ แชร์ความคิดของผู้อ่านมาได้ครับ มุมมองของคุณ จะช่วยเปิดมุมองของผมครับ

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...