วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความมีตัวตนของเรา

หลายปีมานี้ ผมได้เริ่มสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของตัวผมเอง ทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด รสนิยม ทัศนในการมองโลก และอื่นๆ ทุกๆอย่างค่อยเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ มารู้สึกตัวอีกที ผมกลับรู้สึกว่า ผมกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตัวเอง
ร่างกายที่เคยผอมกระหร่อง เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง เริ่มมีเนื้อหนังไขมันเพิ่มขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้าเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เส้นผมที่เคยนานๆจะหงอกซักเส้นนึง ถึงวันนี้ หัวทั้งหัวเริ่มจะเป็นสีดอกเลาแล้ว ทั้งที่อายุแต่เลขสามต้นๆเท่านั้นเอง ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ค่อยสร้างความประหลาดใจอะไรมากนัก เพราะหากมองย้อนไปในอดีต เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ผมเองได้ใช้ร่างกายนี้อย่างไม่ถนอมนัก และดำเนินชีวิตแบบนั้นเรื่อยมา โดยเริ่มที่จะผ่อนเบาลงเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
ส่วนเรื่องของจิตใจนั้น ก็คงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเช่นกัน ผมเป็นห่วงทัศนคติด้านบวกของผม ที่นับวันมันน้อยลงๆในทางกลับกัน จิตใจด้านลบ ความมืดมน กลับเพิ่มขึ้น ทวีกำลังขึ้นเรื่อยๆ หลายๆสิ่งที่ผมเคยศรัทธาอย่างแรงกล้า ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ความรัก ความหวัง พลังของความดีงาม แม้ไม่อาจพูดได้ว่าผมได้หันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนๆหนึ่ง เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งได้ อย่างที่บอก ผมกลายเป็นคนแปลกหน้าของตัวผมเอง บางครั้งเมื่อมองตัวผมในกระจก กลับรู้สึกว่าไม่เคยรู้จักหมอนี่เลย
เพื่อนคนหนึ่ง เคยพูดถึงเรื่องที่ผมกำลังพูดนี่ เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเมื่อได้ฟัง ก็เห็นว่ามีเหตุผลอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มาก เหตุเพราะว่าผมเองตระหนัก ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ต้องขบคิดเพื่อหาทางออก แต่มันคือ สิ่งที่ใครๆ ก็ได้ อาจต้องประสบพบเจอ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากวันเวลาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และจิตใจของคน ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเลย แม้ว่าคนอีกมากมายสามารถรักษาระดับของความเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในภาวะคงที่ได้นานกว่าก็ตาม
สำหรับตัวผมเอง การยอมรับความเปลี่ยนแปลงของตัวผมเอง หรือแม้แต่คนอื่นนั้นไม่ลำบากเกินไปนัก ทว่าคนรอบข้างไม่ได้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไปกับผมด้วย  ตรงนี้เอง ที่ผมรู้สึกคับข้องใจ มันไม่แฟร์เลยซักนิด  ที่ต้องถูกกดดันให้ตัวผม ละทิ้งความเป็นตัวตน ละทิ้งความเป็นตัวกูของกูทิ้งไป พอคิดถึงตรงนี้ ก็เลยมองหาสาเหตุ ผมมองเห็นตัวเองในอดีต ในตอนที่โลกยังสวยงามอยู่ในสายตาของผม
ผมได้นำพาตัวผมเองไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้คนหลากหลาย สนุกกับชีวิตไปวันๆ มีหลายเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่า ตัวผมได้ทำกระการล่วงละเมิดชีวิตของผู้อื่น ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ
ผมกลับมาคิดถึงวิถีแห่งการดำรงชีวิตที่ดีงาม และเชื่อว่าทุกๆคนก็คงพอจะทราบว่าควรจะปฏิบัติตัว ให้เป็นไปในแนวทางใด หลักการที่มีอยู่แล้ว มีคนคิดไว้แล้วพิสูจน์แล้วโดยไม่ต้องทดลองใหม่ สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ผมไม่เคยใส่ใจ สนใจที่จะทำตาม แต่มีหลายจุดหลายประเด็น ที่ผมเองก็ได้รู้ว่า วิถีหรือหลักการต่างๆที่ว่านั้น มันจะเป็นจริงตามที่กล่าวอ้างเสมอ บางอย่างเป็นหลุมพรางที่มีไว้ให้คนโง่เขลาอย่างผม ตกลงไป ให้กล่าวโทษตัวเอง ให้ซ้ำเติมตัวเอง ให้เราเข้าใจว่า สิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมดในชีวิตของเรา ที่เป็นผลมาจากการกระทำ และการไม่กระทำของเราเองทั้งสิ้น ซึ่งในความเป็นจริง ในโลกนี้ ไม่ได้มีเรา กับกำแพง ที่เมื่อได้ส่งแรงคิด พูด และทำสิ่งใด จะได้รับแรงเหล่านั้น สะท้อนกลับมาสู่ตัวเราทั้งหมด และโลกนี้ ไม่ได้มีเฉพาะเราที่ทำแต่ความผิดพลาด คำถามก็คือ คนอื่นๆจะยอมรับความผิดพลาดของตนที่เคยล่วงละเมิดชีวิตของเราบ้างหรือไม่ และเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าแรงกระทำต่างของคนอื่นจะย้อนกลับสู่ตัวเขาเหล่านั้นจริงๆ เพราะตัวผมผ่านชีวิตมาไม่มากไม่น้อย ที่มองเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมตามหลักนั้น เท่าที่เห็นมา มันน้อยเหลือเกิน แล้วถ้ามีการบิดเบือนกระบวนการที่ว่านั้นละ ใครจะเป็นรับผิดชอบความผิดพลาดนั้น หลักการ วิธีอาจไม่ผิด ผู้ที่ทำการบิดเบือนกระบวนการนั้นไม่ใช่หรือที่ควรรับผิด
มีข้อสันนิฐานว่า เป็นไปได้ ถ้ามีการรวมตัวกันของคนมากๆก็จะเกิดพลัง พลังที่จะทำสิ่งใดก็ตามให้สำเร็จลุล่วงไป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องชั่วร้าย เลวทราม

การตากแห้งและรมควัน

เป็นการแปรรูปและถนอมอาหารในแบบที่ง่าย และประหยัดที่สุดวิธีหนึ่ง หากเป็นจำพวกเนื้อสัตว์ก็จะมีการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศก่อนนำไปตากหรือก่อไฟเพื่อรมควัน เพื่อเพิ่มรสชาติและชลอการเน่าเปื่อยของอาหารและผักผลไม้ อย่างพวกเนื้อแดดเดียว หมูแดดเดียว หรือปลา สำหรับอาหารที่มาจากทะเล โดยมากไม่ต้องมีการเติมเกลือเลยก่อนนำไปตากแห้ง อย่าง หมึกหรือกุ้งแห้ง สาหร่าย ปลาอินทรีย์ สำหรับอาหารที่ใช้การถนอมด้วยวิธีการรมควันจะมีข้อดีอีกอย่างงี้ครับ กลิ่นที่มาจากควันไม้ที่นำมารมควันนั้น นอกจากจะช่วยให้อาหารจำพวกเนื้อรมควันนั้นมีกลิ่นหอมชวนลิ้มลองแล้ว ยังช่วยป้องกันแมลงบางชนิดไม่ให้มากัดกินอาหารอีกด้วยอีกด้วย  สำหรับผลไม้ เห็นบ่อยๆก็มีพวกกล้วยตาก อินทผาลัม ลูกพลับ พวกนี่จะไม่นิยมรมควัน เพราะผลไม้เหล่านี้มักจะมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว สภาพภูมิประเทศที่สามารถผลิตผลไม้พวกนี้ได้มักจะเป็นพื้นที่ที่มีแดดเพียงพอต่อการตากอาหารและผักผลไม้
หากมานั่งนึกดูถึงอาหารจำพวกตากแห้งที่วางขายอยู่ในท้องตลาดแล้ว เราคงไล่ชื่อกันไม่หมดเป็นแน่ นี่ยังไม่นับรวมพวกเมล็ดธัญพืช พืชสมุนไพร เครื่องเทศอีกละ เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด มนุษย์เรานี่เก่งจริงๆว่าไหมครับ

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...