วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมบล็อคนี้

            ผมต้องแปลกใจ เมื่อได้ดูสถิติผู้เข้าเยี่ยมชมบล็อค จากที่โพสเองอ่านเองมาเป็นเวลากว่าสองปี มารู้ตัวอีกทีตอนที่มียอดผู้เข้าเยี่ยมชมอยู่ที่ยอด เจ็ดพันสามร้อยกว่าๆ ซึ่งนั่นก็ผ่านมากว่าสองสัปดาห์แล้ว ความรู้สึกแรกของผม คือแปลกใจ ต่อมาคือช็อคกับตัวเลขที่ว่านั่น ทำอะไรไม่ถูก เรื่องที่จะเขียนก็ไม่มี เห็นตัวเลขนั้นก็ชื่นใจ ปลื้มใจว่ามาคนเข้ามาอ่าน ลนลานอยู่นาน จึงคิดว่า น่าจะพูดถึงเรื่องที่เกิดนี้สักหน่อย
            ปกติแล้ว ผมไม่ได้ดูตัวเลขนี้เลย เพราะอย่างที่บอกไปในเบื้องต้น คืออ่านเองโพสเองมาตลอด ขอให้เพื่อนมาอ่านมาคอมเม้นต์บ้าง มันก็อาจจะอ่าน แต่ไม่เคยแสดงความคิดเห็นหรือมีปฏิกิริยาใดๆในนี้เลย ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะงานเขียนของผมนี้ไม่ได้จัดว่าดีเลิศเลอถึงขั้นนั้น บางคนบอกว่ามันเหมือนไดอารี่ ที่ควรเก็บไว้อ่านเอง บางคนบอกว่าผมเลียนแบบคุณโน้ตอุดม(ตรงไหนวะ เอิ้กๆๆ) ผู้ใหญ่บางคนบอกควรใส่ใจรายละเอียดเรื่องพยัญชนะ สระ ตัวสะกด เว้นวรรค ย่อหน้าให้ถูกต้อง ผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็น และผมสังหรณ์ใจว่าผู้ใหญ่ท่านนี้เองอาจเป็นผู้ชักชวนผู้อ่านจำนวนมากมายเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของผมนี้ และถ้าเป็นจริงดังนั้น ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณจากก้นบึ้งของหัวใจเลยครับ(น่าแปลกใจที่ผมพยายามติดต่อผู้ใหญ่ท่านนี้ แต่ติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้ท่านขุ่นข้องหมองใจรึเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องกราบขอประทานอภัยท่าน มา ณ. ที่นี้ด้วยครับ)
            นี่ เป็นสิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่า เมื่อเรารักที่จะทำสิ่งใด ให้เวลากับกับสิ่งนั่นมากพอ จริงใจกับสิ่งที่ทำ แล้ววันหนึ่ง จะมีคนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำ เหมือนกับที่ผู้อ่านทุกท่านได้เข้ามาเยี่ยนชมบล็อคบ้านๆบล็อคนี้ ผมดีใจมากครับ แต่ผมจะไม่เหลิง ไม่ทะนงตนกับความสำเร็จเล็กๆนี้ ผมจะพยายามสร้างงานเขียนต่อไป ตราบที่ยังมีลมหายใจ แม้ว่าช่วงหลังๆผมจะมีเรื่องที่จะถ่ายทอดน้อยกว่าที่เคยทำมา แต่ก็ยังยืนยันว่า จะยังคงเขียนต่อไป แม้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านแล้วเบื่อไม่อยากอ่านอีกต่อไปก็ตาม ขอฝากไปถึงผู้อ่านคนใดก็ตามที่มีอะไรที่อยากจะทำแล้วยังไม่ได้ทำ ให้เริ่มลงมือทำซะนะครับ ผมคนนึง จะเป็นกำลังใจให้ครับ สักวันคุณอาจจะได้รับความรู้สึกปิติยินดีจากสิ่งที่คุณได้ลงมือทำ อย่างที่ผมรู้สึกในตอนนี้ก็ได้
ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง แล้วผมจะกลับมาใหม่ อย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีคะ หนูชื่อตาลคะ


                                                                             
              สวัสดีค่ะ หนูชื่อตาล หนูเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์อายุสองขวบกว่าๆ หนูอาศัยอยู่กับเจ้านาย ที่หมู่บ้านในชนบทแห่งนึง หนูมีเพื่อนสุนัขอีกตัวนึงด้วยค่ะ อายุมากกว่าตาลหนึ่งปี ชื่อพี่ปุ้มปุ้ย พี่ปุ้มปุ้ยเป็นสุนัขพันธุ์ทางลักษณะดี ลายขาวน้ำตาล เจ้านายบอกว่า เมื่อตอนพี่ปุ้มปุ้ยเกิดใหม่ๆพี่ปุ้มปุ้ยตัวอ้วนปุ๊กลุกมากกว่าพี่น้องตัวอื่นๆมาก แต่พอโตขึ้น กลับตัวผอมเพรียวยังกะนางแบบเลย อิๆ มองกลายๆพี่ปุ้มปุ้ยเหมือนสุนัขพันธุ์บางแก้วมากๆเลยคะ พี่เค้าชอบรังแกหนู ตอนที่หนูย้ายมาอยู่ใหม่ๆ ถึงตัวหนูจะใหญ่กว่ากว่าพี่เค้ามาก แต่หนูก็กลัวพี่เค้าอยู่ดีเพราะพี่เค้ามักจะขู่คำรามแยกเขี้ยวข่มขวัญหนูตลอด อีกอย่างหนูไม่เคยกัดกับกับใครตั้งแต่เกิดมา เลยกลัวไปหมด  พออยู่นานๆเข้าแกก็หาเรื่องกัดหนูเป็นประจำ ทุกวันนี้ ตัวทั้งตัวหนู เต็มไปด้วยรอยแผลจากคมเขี้ยวของพี่ปุ้มปุ้ย รวมถึงริมฝีปากของหนูที่ห้อยย้อยอยู่ข้างเดียว ก็เป็นเพราะโดนพี่เค้ากัดนี่แหละค่ะ เจ้านายบอกว่า ก่อนที่หนูจะมาอยู่บ้านหลังนี้ พี่ปุ้มปุ้ยเค้าคือขวัญใจหนึ่งเดียวของบ้านนี้ ได้รับความเอ็นดูจากเจ้านายทุกๆคนเป็นอย่างดี เพราะว่านอนสอนง่าย ขี้อ้อนมากๆ แต่พอหนูมาอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พี่ปุ้มปุ้ยกลายเป็นสุนัขเจ้าอารมณ์ ขี้อิจฉา แกจะแสดงอาการก้าวร้าวทุกครั้งที่เจ้านายให้ความสนใจในตัวหนู  พี่เค้าจะหวงสมาชิกทุกคนๆในบ้าน  ใหม่ๆหนูไม่กล้าสู้แกหรอก ทำให้แกได้ใจรังแกหนูอยู่เรื่อยๆ พักหลังนี้ไม่ไหวค่ะ หนูต้องสู้เพื่อไม่ให้แกทำหนูอยู่ฝ่ายเดียว แถมเจ้านายทุกคนก็เข้าข้างด้วยค่ะ อิๆ เดี๋ยวนี้พี่ปุ้มปุ้ยเองก็ได้รอยเขี้ยวจากหนูไปประดับร่างกายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ฮึ ให้มันรู้ซะบ้าง หนูก็สู้คนนะ เอ้ย สู้หมานะ


              ประมาณสองปีก่อนเจ้านายเดิมหนูนั้นแกซื้อหนูมาเลี้ยงดู เจ้านายผู้ชายย่างไก่ขายตอนเช้าๆค่ะ เป็นไก่พันธุ์เนื้อที่ซื้อมาจากตลาด อาหารของหนูจึงมักจะเป็นคอไก่ย่างที่เจ้านายเก็บไว้ให้ มันทำให้หนูโตเร็วมากแล้วก็อ้วนมากเลยค่ะ อิๆ แทบไม่รู้จักอาหารเม็ดเลย มาได้กินครั้งแรกก็เป็นเพราะเจ้านายอีกบ้านซื้อมาให้ลองกินเพราะความเอ็นดู ออ เพราะว่าเจ้านายผู้หญิงของหนูแกต้องย้ายไปประจำอยู่จังหวัดแถวภาคใต้ซึ่งไกลจากที่นี่มากๆ เลยต้องฝากหนูมาเลี้ยงที่นี่ค่ะ แต่จริงๆก็ไปมาหาสู่กันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านพ่อแม่ของเจ้านายเก่าค่ะ เวลาไปไหนมาไหน เจ้านายเก่าจะพาหนูใส่ท้ายรถกระบะไปด้วยบ่อยๆ ซึ่งหนูชอบมาก ลมมันเย็นดี ก็เลยมีโอกาสท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆและแวะเวียนมาบ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงคุ้นเคยกันกับเจ้านายใหม่อยู่บ้างพอสมควร พี่ปุ้มปุ้ยก็คงหมั่นไส้หนูมาตั้งแต่กระนั้นกระมังคะ เพราะแวะมาที่ไร ทุกคนก็จะมารุมล้อมทักทายลูบเนื้อลูบตัว หาของอร่อยๆมาให้หนูกินตลอดเลยละ หุๆ


               ถึงหนูจะแค่สองขวบ แต่หนูก็เคยมาลูกมาแล้วครอกนึงเมื่อปีที่แล้วนะคะ  พ่อของเด็กก็เป็นสุนัขบ้านๆแถวบ้านของเจ้านายเก่าแหละค่ะ แหม มีหนุ่มๆเข้ามาเสนอตัวกับหนูเยอะแยะเชียวนะจะบอกให้ เจ้านายเก่าน่ะไม่ชอบเท่าไหร่หรอก เลยพาไปผสมกับสุนัขพันธุ์เดียวกันในตัวเมืองกันเอาไว้ แต่ไม่ติดลูกเลย ไม่รู้ทำไม ดันมาติดลูกกับสุนัขพันธุ์ทางแถวบ้านนี้เอง อิๆ ทำไงได้ละค่ะ ก็มันเป็นธรรมชาติแล้วเราก็รักกันด้วย ความรักนี่มันเอาชนะเรื่องเผ่าพันธุ์ลงอย่างราบคาบเลย ไม่รู้ว่าคนจะเป็นอย่างพวกเรารึเปล่า ส่วนลูกๆครอกนั้น เจ้านายก็แจกชาวบ้านไปหมดเลยค่ะ หนูก็ไม่อยากให้เจ้านายเอาลูกๆหนูไปแจกใครหรอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ พวกเจ้านายก็บ่นๆว่าหนูไม่รักดี ซึ่งหนูก็ไม่เข้าใจหรอก มาอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีหนุ่มๆมาเสนอตัวอีกละค่ะ แต่หนูก็ไม่ได้สนใจตัวไหนเป็นพิเศษเลย อาจเพราะหนูยังคงทำใจกับเรื่องที่ต้องจากลูกๆและพ่อของพวกเขาไม่ได้กระมังคะ


                 เจ้านายใหม่ชอบพาหนูออกไปวิ่งเล่นตอนเย็นๆคะ แรกๆหนูไม่เข้าใจว่าแกเรียกให้หนูวิ่งตามแกขี่จักรยานทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แต่ก็ไปคะเพราะหนูเองก็ชอบวิ่งเล่นอยู่แต่เดิม เพราะบ้านเจ้านายเก่ามีบริเวณบ้านกว้างขวางและเป็นส่วนตัวมากๆ หนูจึงวิ่งเล่นได้อย่างอิสระในนั้น มาอยู่ที่นี่หนูไม่กล้าออกไปวิ่งเล่นตามลำพังเท่าไหร่ เวลาจะออกไปไหนก็ต้องรอตามเจ้านายเดินไปซื้อของ ซึ่งก็ไปไม่ไกลจากบ้านนักหรอก กลัวสุนัขเจ้าถิ่นด้วยแหละ ซึ่งมีเยอะมากเลยค่ะ อีกทั้งบริเวณบ้านยังคับแคบต่างจากบ้านเดิมลิบลับเลยค่ะ วันๆต้องนอนเฉยๆทั้งวัน ทำให้หนูอึดอัดมากๆ การได้ตามเจ้านายออกไปวิ่งเล่น จึงเป็นกิจกรรมที่ไม่เลวเลยสำหรับหนู หนูวิ่งอย่างงี้มาหลายเดือนแล้ว ทำให้หนูผอมลงพอสมควร เจ้านายก็ชมว่าเก่ง เดินเหินลุกนั่งก็คล่องกว่าแต่ก่อน  ไม่เบื่ออาหารเหมือนตอนไม่ได้ออกไปวิ่งเล่น แถมสนุกเพลิดเพลินไปกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆด้วย ต้องขอบคุณเจ้านายใหม่ของหนู ที่ชวนหนูออกไปวิ่งด้วยจริงๆคะ

 พี่ปุ้มป้ย


                สำหรับวันนี้หนูต้องขอตัวก่อนคะ วันหลังหนูจะหาโอกาสถอดจิตมาสิงเจ้านาย ให้มาเขียนเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังอีก อิๆฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ และขอบคุณที่อ่านเรื่องของตาลนะคะ

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...