อารัมภบทมาเสียยืดยาว วันนี้มีเรื่องราวอันใดมากฝากคุณผู้อ่านบ้าง เดี๋ยวค่อยๆว่ากันไปนะครับ ก่อนอื่น ผมขอแจ้งให้ผู้อ่านทุกท่านทราบว่า รูปถ่ายในเมมโมรี่การ์ดโทรศัพท์เครื่องนี้ของผม มันได้อันตรธานหายไปหมด อีกแล้วครับท่าน ด้วยความผิดพลาดโดยสุจริตของตัวผมเองละครับ เรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ
เจ้าโนเกีย1320ตัวที่ผมใช้อยู่นี่ เวลาแบตเตอรี่อ่อนมากๆ หน้าจอมันจะกลายเป็นแบบหน้าจอทีวีที่ไม่มีสัญญาณ มันจะเป็นจอลายนิ่งๆครับ ในคราวแรกที่ผมเจอสถานการณ์นี้ ผมตกใจและเซ็งมาก เพราะตอนนั้นยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นอะไร และใช้มายังไม่ถึงห้าเดือนดี นึกว่าต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่อีกแล้ว ลองกดปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ มันก็ยังเป็นจอลายแบบนั้นอยู่ ใจแป้วเลยครับ ตอนนั้นเดาว่าเครื่องมันชื้นเพราะโดนแอร์ในรถ เดาไปต่างๆนานา ไม่รู้จะปรึกษาใคร ก็ไอ้เจ้า1320 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของวินโดว์จากค่ายไมโครซอฟต์นี่มันไม่ค่อยมีใครเค้าใช้กัน ตอนที่ผมซื้อมามันก็ตกรุ่นไปนานโขแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ศูนย์บริการพร้อมทั้งบุคคลากรของโนเกียในเมืองไทยก็ปิดตัวม้วนเสื่อกลับบ้านกันไปหมดแล้ว แม้รู้ทั้งรู้ แต่ผมก็ยังซื้อหามาใช้งาน เพราะเชื่อถือไว้วางใจในแบรนด์และระบบปฎิบัติการ วางใจถึงขนาดที่ร้านบอกว่า เครื่องไม่มีประกันนะ เพราะศูนย์โนเกียมันเจ๊งกะบ๊งไปหมดแล้ว ผมก็ยังดึงดันเอามาใช้อะคิดดู อันนี้โทษใครไม่ได้จริงๆครับ ถึงวันนี้ได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่น่าเลยกู เอิ้กๆๆๆ โนเกียมันไม่ใช่โทรศัพท์ยอดนิยมของใครต่อใครอีกต่อไปแล้ว ใครๆเค้าก็หันไปใช้แอปเปิ้ล ซัมซุงกันทั้งนั้น ส่วนโทรศัพท์ของค่ายหลังม่านไม้ไผ่ ก็กำลังตีตลาดไล่ตามขึ้นมาเรื่อยๆ มูลค่าการตลาดของมือถือจีนก็กำลังโตวันโตคืนและยังไม่มีท่าทีของการชลอตัวแต่อย่างใด แต่ความอึดทนทานนี่ สมคำร่ำลือโนเกียก็ยังเป็นโนเกียวันยันค่ำครับ เจ้าเครื่องนี้ของผมตกหลุดมือลงพื้นปูนแข็งเป็นสิบๆครั้ง หน้าจอร้าว เคสบิ่น แต่ใช้งานได้เป็นปกติไม่แง่งอนงอแง อันนี้ขอเค้าดีจริงๆ ครับ
ผมค่อยๆสงบใจลง ค่อยๆพิจารณาหาสาเหตุแล้วลองถอดเคสออกแล้วเสียบชาร์ตทิ้งไว้ทั้งคืน(คิดว่าพอชาร์ตแล้วเครื่องมันจะร้อนแล้วความชื้นมันจะระเหยไปเอง)สรุปไม่เกี่ยวกับความชื้นอะไรเลยครับ แค่แบตมันอ่อนมากๆเท่านั้นเอง(มารู้ทีหลัง) แต่ในความโชคดีก็มีความโชคร้ายอยู่ เพราะอีตอนที่ผมถอดเคสออก ผมดันถอดซิมกับเมมโมรี่การ์ดออกด้วย ถามว่าถอดทำไม ก็กลัวความชื้นมันทำระบบรวนแล้วกระทบกับข้อมูลในซิมและเมมโมรี่การ์ดนะซิครับ แบบว่า ไม่มีความรู้หรอก ได้แต่เดาเอาว่าความชื้นกับอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์นี่ มันน่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมันคงเป็นประมาณนี้ ผมโทรถามร้านที่ขายเครื่องให้ผมนะ เล่าอาการตั้งแต่เริ่มเห็นความผิดปกติ แต่ฟังดูที่ร้านก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน(อาจจะรู้แต่ทำเป็นไม่รู้) แต่เชียร์ให้ส่งเข้าซ่อม แล้วยังบอกอาจต้องเปลี่ยนหน้าจอ ผมรู้สึกว่ามันไม่เมคเซ้นต์เท่าไหร่ แบบว่า มันเกี่ยวไรกับจอวะทำไมต้องเปลี่ยน พอชาร์ตเครื่องหนึ่งคืนเท่านั้น รู้เรื่องครับ มันกับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นผมที่ตีโพยตีพายไปเอง ผมจ่ายค่าเสียหายไปเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายมาตลอดสี่เดือนที่ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้เพราะถอดเมมโมรี่ออกโดยไม่สำรองข้อมูลไว้เกือบเกลี้ยง(คือถ้าไม่รู้แบบผมนี่แล้วไปถอดเมมโมรี่ออกก็ปลงได้เลย) เกือบเกลี้ยงยังไงนะหรือ แบบว่าก่อนหน้าที่มันจะเกิดเหตุ ผมทดลองอัพโหลดรูปถ่ายบางส่วนไว้บนone drive แล้วล่ะ กะว่าอัพโหลดภาพทั้งหมดเสร็จ แล้วก็จะเคลียร์รูปในเมมโมรี่การ์ดให้หมดๆไปซะ จะได้มีพื้นที่เหลือเยอะๆเอาไว้เก็บรูปถ่ายรุ่นต่อๆไปนั้นเองละครับ ที่เหลือที่ไม่ได้อัพโหลดก็ เฮ้อ คิดแล้วเศร้า ยัง ยังไม่สาแก่ใจใช่ไหมครับคุณผู้อ่าน มนุษย์เดินดินมนุษย์ขี้เหม็นผู้ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด กงล้อของประวัติศาสตร์ย่อมหมุนวนกลับมาซ้ำรอยเดิม ฉันใดก็อิ่มนั่น เอ้ย ฉันนั้น เอิ้กๆๆ แล้วมันก็มันเกิดขึ้นกับผมอีกจนได้ หลังจากที่ผมปล่อยบทความตอนล่าสุดออกไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง พอโพสเสร็จก็ปิดไฟนอน เสียบชาร์ตแบตไว้เหมือนทุกครั้ง ครั้งนี้ เหมือนกับว่า มันชาร์ตไฟไม่เข้า ตื่นมา ดันเหลือแบตน้อยกว่าเดิม แต่ก็ต้องรีบออกไปทำงาน อารามตกใจประสาทกินกลัวเสียเงินอีก เงินก็ยิ่งไม่ค่อยมีให้เสียด้วยซิ เลยไม่เหลือเวลาพิจารณาตรวจสอบอะไรให้ถ้วนถี่นัก พอแบตอ่อนมากๆจนเครื่องจะดับมันก็จอลายเหมือนเดิมครับ ครั้งนี้ผมสติแตกกว่าคราวก่อนมาก เพราะกลัวข้อมูลภาพหายอีก(หายจริงๆด้วย ในภาพถ่ายเมมโมรี่การ์ดหายเกลี้ยงเลยละ ที่จริงมันจะไม่เสียหายอะไรถ้าผมไม่ดันไปถอดเมมโมรี่กับซิมออก) ผมวินิจฉัยเอาเองว่า มันเป็นเพราะแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ (ไม่ทันคิดว่าตอนเสียบชาร์ตสายมันอาจจะหลวม)ก็มันชาร์ตไฟไม่เข้านี่ จะให้คิดยังไงจริงไหมครับ เอิ้กๆๆ โทรไปที่ร้านที่ขายเครื่องให้ผมอีกที เล่าอาการให้ฟัง โชะๆๆๆ ที่ร้านมันก็บอกเป็นเพราะจออีกแล้ว อุวะ ร้านนี้มันเป็นอะไรกับจอวะเนี่ย ยุกูเปลี่ยนจอจังเลยแฮะ ผมแน่ใจแล้วละ ว่าผมพึ่งร้านนี้ไม่ได้จริงๆ พอเริ่มตั้งสติได้ก็เอาอีกแล้ว ถอดเคสชาร์ตไฟข้ามคืนอีกสักที แต่ดันไปถอดซิมกับเมมโมรี่การ์ดอีกนะสิคู้ณ (มันมีสติตรงไหน ย้ำคิดย้ำทำอยู่ได้)ทำไมผมไม่เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยก็ไม่รู้ เซ็ง เจ็บไม่รู้จักจำจริงๆ คราวนี้ ผมต้องจ่ายค่าโง่ด้วยรูปถ่ายหลายร้อยรูปที่ยังไม่ได้อัพโหลดเก็บไว้ รวมไปถึงคอลเลคชั่นภาพถ่ายดอกไม้ในสวนสวยของศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่เค้ามียอดขายสูงสุดไม่มีใครเสมอเหมือนมาหลายปีดีดักเลยทีเดียว แบบว่าถ่ายมาชื่นชมได้หนึ่งวัน ใหม่ๆ หมาดๆ ยังอุ่นๆอยู่เลย คล้อยหลังเข้าอีกวันเท่านั้นมันก็หายเกลี้ยงหมดเลย โถ่เอ้ยชีวิต แปลกตรงที่มีแต่ไฟล์รูปภาพเท่านั้นที่หายไป ไฟล์เสียง และไฟล์เอกสารกลับยังอยู่ครบบริบูรณ์ดี ทั้งๆที่เซฟไว้ในเมมโมรี่การ์ดเหมือนกัน ครั้งก่อนก็แบบนี้ แต่ครั้งก่อนมันยังเหลือรูปถ่ายไว้ดูต่างหน้าตั้งเยอะนะ เออ มันเป็นซะอย่างงั้น นี่มันไสยศาสตร์หรืออย่างไรกัน ตกลงต้องการแค่รูปใช่ไหม ไอ้ๆๆๆหรืออีกันแน่ ที่มันทำกับผมแบบนี้ มันคือสิ่งใดกัน (การโยนความผิดบาปให้ใครหรืออะไรสักอย่างนอกจากตัวเองนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกผิดน้อยลง หรือแม้แต่ไม่รู้สึกผิดเลย ยังช่วยให้เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยด้วย ก็ในเมื่อเราโยนความผิดออกไปจนพ้นตัวแล้วนี่ ส่วนใครจะมารับก็รับไป ใครที่ว่านั่นก็มักจะเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือคู่กรณีของเราเสมอ แต่เราต้องแน่ใจว่า เรามีแรงสนับสนุนมากพอ วิธีนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่มวลชน ที่ชอบเห็นคนอื่นเป็นผักปลา เป็นเบี้ยเป็นหมากในเกม ไม่ได้แนะนำนะครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ)ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผมเสียศูนย์อยู่หลายวันเขียนอะไรก็เขียนไม่ออกเลย
แต่คุณผู้อ่านครับ ขอบอกว่าดอกไม้เค้าสวยจริงๆครับใครมีโอกาสเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์บริการและโชว์รูมแห่งนี้ หากท่านเบื่อหน่ายการรอคอยยานพาหนะของท่านขณะเข้ารับบริการ โดยต้องนั่งรอในห้องแอร์เฉยๆเป็นเวลานาน ลองเปลี่ยนอิริยาบทไปเดินดูดอกไม้สวยๆของเค้าได้ครับ พื้นที่ส่วนที่ว่านี้ไม่ได้เยอะใหญ่โตอะไรเลยครับ สำหรับคนที่ชอบไม้ดอกไม้ประดับ คงจะทำให้ท่านเพลิดเพลินเจริญใจได้ไม่น้อยที่เดียวครับ
สงกรานต์ปีนี้เท่าที่สังเกตุดู ผมรู้สึกว่าความคึกคักตามท้องถนนมันจะดูน้อยลง ดูบางตาไปอย่างเห็นได้ชัดเจน คาดว่าคงเป็นเพราะมาตรการคุมเข้มของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทั้งการใช้มาตรา 44บังคับใช้กฎหมายจราจรที่ออกมานานแล้วล่ะ(เพิ่งรู้ว่ากม.ฉบับนี้มีมานานแล้วเหมือนๆกับคนอื่นๆนั่นละครับ) ทั้งการกวดขันเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ด้วยหวังว่าจะหยุดสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเจ็ดวันอันตรายนี้ลงให้จงได้ จะได้ผลเป็นอย่างไร ก็มาคอยดูกันไปครับ ก็หวังว่าจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง เอาใจช่วยนะครับ แต่ขอแสดงความเห็นเรื่องการร่างและผ่านกฏหมายหน่อยนะครับ คือถ้าบอกจะปฏิรูปประเทศด้วยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมีบทบาทในการตัดสินใจ ทั้งในระดับนโยบาย ไล่เรียงไปจนถึงระดับการปฏิบัติการแล้วละก็ รัฐบาลควรต้องเปิดพื้นที่เปิดเวทีพูดคุยถกกันของทุกฝ่ายให้เป็นกิจจะลักษณะ เพื่อที่จะแก้กฏหมาย หรือหาทางออกอื่นๆที่พอจะตกลงกันได้ ประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหรือไม่ก็ตาม คงไม่ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆหายๆอย่างที่เห็นกันตามสื่อหลัก หรือแม้แต่สื่อสังคมออนไลน์ก็ตาม(อันหลังนี่เล่นซะรัฐบาลดูเป็นไอ้งั่งไปเลย)การดึงดันที่จะบังคับใช้กฏหมาย รังแต่จะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหาเสียมากกว่า ซึ่งตอนนี้รัฐบาลก็ถอยมาหนึ่งก้าวแล้วล่ะ แต่มันเป็นเพียงการลดอุณหภูมิความร้อนแรงของกระแสความคิดเห็นของประชาชน จะบอกว่าเป็นการซื้อเวลาออกไปอีกหน่อยก็คงไม่ผิดนัก คิดว่าประชาชนส่วนนึง ซึ่งไม่ทราบว่ามีจำนวนมากน้อยเท่าใดที่จะรู้กฏหมายข้อนี้ เพราะถ้าหากเขารู้ ผมว่าเขาไม่มีทางซื้อรถกระบะมาใช้เด็ดขาด เป็นผมผมก็ไม่ซื้อ(เพราะไม่มีเงินซื้อ เอิ้กๆๆๆ) จะซื้อทำไมละครับ เพราะดูยังไงมันก็ไม่คุ้มหากไม่ได้ใช้งานอย่างที่เราต้องการเหมือนทุกวันนี้ รถเราซื้อมาแล้ว จะขนนั่นขนนี่ขนคนมันก็เรื่องของเราไหมครับ แล้วถ้าจะเอาจริงกับกฎหมายฉบับนี้ แล้วรัฐบาลมีทางเลือกให้ผู้ใช้รถกระบะที่มีอยู่เป็นจำนวนมากอย่างไร หรือแค่กะจับปรับเอาตังค์ไปเรื่อยๆ มันยุติธรรมกับพี่น้องประชาชนแล้วหรือ ที่มาหักหาญเอาชนะคะคานกันด้วยมาตรา44 เอาเข้าจริงๆแล้วสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้เกี่ยวกับการนั่งกระบะหรือนั่งแค็ปแต่อย่างใดเลย มันเป็นเรื่องของความประมาท เมาแล้วขับ ใข้ความเร็วสูงเกินเหตุ ละเมิดกฏจราจร ฯลฯ เหล่านี้ต่างหากที่เป็นสาเหตุต้นตอ พูดแล้วนึกถึงร้านที่ขายโทรศัพท์ให้ผมจริงๆ ปัญหากับวิธีแก้ปัญหานี่มันเหมือนกับรัฐบาลของเรายังกะลอกกันมาไม่มีผิด อย่างไรก็ตามก็หวังให้รัฐเอาจริงเอาจังกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อหาทางออกกับปัญหานี้ จริงๆแล้ว อยากให้แก้ปัญหาโดยอาศัยแนวทางนี้(การพูดคุยแลกเปลี่ยนถกเถียงฯลฯเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน)ทุกปัญหานั่นแหละครับ ผมมีโอกาสไปอ่านบทความในเวบเพจของสื่อมวลชนเจ้านึงมา บทความกล่าวถึงงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประะเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ ว่าด้วยการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมืองไทย เค้าชี้แจงแยกแยะสาเหตุที่มาที่ไปวิเคราะห์ปัญหาได้ชัดเจนตรงประเด็นแถมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้เสร็จสรรพเลย น่าสนใจมากๆครับ มันน่าแก้ปัญหาได้ตรงจุด เกาถูกที่คันมากกว่าที่แล้วๆมา และน่าจะยั่งยืนกว่ามาตรการที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน แนวทางตามงานงานวิจัยที่ว่านี้ ผมหนุนสุดตัวครับถ้ารัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาจริงๆอะนะไม่แค่การลูบหน้าปะจมูกตอนเทศกาลเท่านั้น คุณผู้อ่านตามไปอ่านบทความนี้ได้ ตามลิงค์นี้ครับ
www.thematter.co/pulse/tdri-pickup/21988
หรือเราจะให้มันเป็นแค่เพียงหลักการที่เอาไว้กล่าวอ้างเฉยๆอย่างที่เคยๆทำกันมาเท่านั้น ก็สุดแท้แต่บุญแต่กรรมของประเทศนี่ก็แล้วกันครับ ทำไงได้ ประชาชนตาดำๆอย่างเราอย่างมากก็ได้แค่บ่นเท่านั้นแหละ แหม่ พอปลงเสร็จปุ๊บก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีเลย แม้จะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยก็ตาม เอิ้กๆๆๆ
บ่นไปเบื่อไป ก็เท่าน้าน กัดฟันสู้ไปยังด้ายอยู่ จะดีจะเลว ให้มันรู้ สู้ไปอยู่อย่างนี้
ยังมี ลมหายใจ สู้ไปยังได้อยู่ ดูเกม คงต้องดู ตาสุดท้าย
ทางเดิน ชีวิตเรา ใครก็คงขีดเอาไม่ได้ จะดีเลวอย่างไรหัวใจก็ยังได้อยู่ (ท่อนฮุคของเพลง ยังได้อยู่ ของพี่เสือธนพล อินธิฤทธิ์ )
อันที่จริงการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนี่ ไม่ใช่ทางผมตั้งแต่แรกแล้วละครับ บล็อกที่ชอบที่ชอบนี่ ผมอยากให้บล็อกมันมีเนื้อหาที่หลากหลาย ไม่อยากจำกัดตัวเองว่าจะต้องเขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้โดยเฉพาะเท่านั้น เรื่องการบ้านการเมืองเป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่ผมเองไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพันหรือแม้แต่จะพูดถึง แต่ในบางครั้งคราวก็มีเหมือนกันที่รู้สึกกับมันมากจนอดที่จะกล่าวถึงไม่ได้ ที่เขียนมาในวันนี่ในฐานะประชาชนคนนึง ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจวิถีของการปกครอง การเมืองสักเท่าไหร่ ว่าทำไมรัฐบาลจึงทำเช่นนั้น ทำไมไม่ทำเช่นนี้ ทั้งที่หลักการกล่าวไว้อย่างหนึ่ง เราต่างรู้ดีว่ามันควรทำ สมควรทำ เพราะมันดี มันแก้ปัญหาตรงจุด มันจะช่วยให้สังคมโดยรวมได้รับประโยชน์ เรากลับไปทำอีกอย่างนึงซึ่งมันไม่เกี่ยว และไม่แก้ไขอะไร ผมรู้ว่าท่านเหล่านั้นจะไม่ตอบคำถาม แต่ท่านจะถามคำถามกลับมาให้เราตอบเองอีกต่างหาก สุดท้ายเมื่อผมตอบคำถามท่านไม่ได้ ปัญหาที่ผมถามไปก็จะถูกทำเป็นลืมๆไป กลับสู่วังวนเดิมๆ ทำให้ผมรู้ซึ้งว่า ไม่น่าไปถามตั้งแต่แรก
โฮะๆๆๆไอ้เฮิร์บ มึงมันช่างโฉดเขลาเบาปัญญานัก มึงคิดว่าตัวมึงคือตัวมึงหรืออย่างไร จงอย่าได้สำคัญตนนักเลยไอ้เฮิร์บเอ้ย
ผมไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอกนะครับคุณผู้อ่าน ผมคิดว่ารัฐบาลหรือนักการเมืองก็ไม่ได้โง่เง่า เขารู้เหมือนอย่างที่เรารู้นั่นแหละ ว่าอะไร
เฮิร์บๆ พอๆมึงอย่าไปแซวเค้ามาก ไอ้ที่ดีๆก็ชมเค้ามั่ง ให้กำลังใจเค้าหน่อย อย่าทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดพวกมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ อย่าเอาแต่เห่าหอน จะทำอะไรดีก็ทำๆไป
ตามนั้นเลยครับ แจ๋วครับพี่ ดีครับท่าน ทันครับผม เหมาะสมครับเจ้านาย เออ คือ ผมเล่นคีย์บอร์ดไม่เป็นหรอกครับ ผมเล่นเป็นแต่กีต้าร์ครับผม เอิ้กๆๆๆ
สวัสดีวันสงกรานต์อีกครั้งครับ ในวันครอบครัวและวันผู้สูงอายุแห่งชาตินี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านคงได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับครอบครัว ญาติ พี่น้องผองเพื่อนของท่านกันถ้วนหน้านะครับ เดินทางกลับบ้าน และเดินทางกลับมาทำงานโดยสวัสดิรูป เอ้ย สวัสดิภาพทุกๆคนเลยนะครับผม สงกรานต์ปีนี้อาจจะไม่สนุกสุดเหวี่ยงเหมือนปีที่แล้วๆมา ก็คงไม่เสียหายอะไรหรอกครับ แม้ไม่ได้สนุกมากแต่ขอให้มีสติแทน มันก็น่าจะหยวนๆกันได้นะครับผมว่า
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินรึจะสิ้นคนนินทา
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น