วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ไม่มีชื่อเรื่อง

สามสี่วันมานี้ ผมมีอาการบาดเจ็บจาก หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทครับ วันแรกที่เกิดอาการ เจ็บมากๆจะลุกจะนั่งจะนอนจะเปลี่ยนอิริยาบททีนี่ มันช่างเป็นเรื่องยากลำบาก ในตอนที่เริ่มเจ็บสันหลัง บริเวณเอวจนถึงเกือบกระดูกก้นกบ ก็เป็นช่วงเวลาที่เลิกงานตอนเย็นพอดี นับว่าเป็นโชคดีชั้นแรก เพราะแม้จะเริ่มมีอาการเจ็บปวดที่ไม่ประณีประนอมและเฉียบพลัน มันก็ยังพอมีเวลาพักอยู่บ้าง โชคชั้นที่สองวันรุ่งขึ้นก็ได้หยุดงาน(โดยที่ยังไม่ได้แจ้งที่ทำงานว่ามีอาการบาดเจ็บ)ก็ประจวบเหมาะครับ ตอนแรกที่ไม่บอกทางนั้นไปเพราะคิดว่าพรุ่งนี้มันคงหาย แต่มันไม่อย่างนั้นสิครับ เช้าตื่นขึ้นมาผมลุกแทบไม่ขึ้น บิดตัวที่นี่มันเจ็บสะท้านไปทั้งตัว ต้องค่อยๆขยับทีละนิดๆ คุณผู้อ่านลองนึกภาพคนแก่ๆหลังโก่ง (ยืดตัวตรงไม่ได้ครับตอนแรกๆ เพราะเจ็บมาก ต้องค่อยหาอะไรเกาะ แล้วค่อยๆดึงตัวยืดขึ้น กว่าจะตรงก็เจ็บและใช้เวลาก็มากโขอยู่)ยักแย่ยักยัน โยงโย้ เชื่องช้าน่ารำคาญ นั่นละ ผมเลยครับ ผมเลยลองปิดกูเกิ้ลโดยใช้คีย์เวิร์ดว่า หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท(สันนิฐาน) อากู๋ก็ลิสต์ข้อมูลมายาวเฟื้อย อ่านบทความทางการแพทย์อยู่สามสี่ฉบับ ก็แน่ใจโดยไม่ต้องปรึกษาหมอเลย ว่า ใช่แน่ๆ ทั้งพฤติกรรมการนั่งที่ไม่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน อุบัติเหตุล้มหงายหลังตอนไปเที่ยวน้ำตกก่อนหน้าที่เกิดอาการหนึ่งวัน และการจามที่ไม่สมบูรณ์ คือยังไงไม่สมบูรณ์ คือตอนคนเราจามเนี่ย ลมมันจะดันออกทั้งทางปาก จมูกหรือแม้แต่หูหรือทวารหนักใช่ไหมครับ แต่นี่ มันยังไงไม่รู้ ผมจามวันนั้นลมมันดันไม่ออกจากร่างกาย มันเหมือนโดนกั๊กๆ แล้วลมมันก็ดันกลับเข้าช่องท้องเฉยเลย ทำให้ไอ้หมอนรองกระดูกสันหลังของผมมันเลยแลบออกมาดันเส้นประสาทซะ ซึ่งมันตรงกับพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหมดที่บทความได้เขียนไว้เป๊ะ อ่านถึงตรงนั้นก็ซีดเลยครับ ยังไงดีวะกู ใจมันคิดไปถึงอัมพฤกอัมพาตเดินไม่ได้ไปนู้นแน่ะ พออ่านไปเรื่อย เค้าก็บอกแนวทางการบำบัดรักษามาเป็นข้อๆ ก็สรุปได้ว่า อาการอย่างผมนี่ ยังไม่ต้องต้องขั้นไปขึ้นเขียงให้คุณหมอผ่าตัดแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ระมัดระวัง ไม่ให้เราทำพฤติกรรมแบบเดิมๆ เพิ่มเติมด้วยกายภาพบำบัด ยืดกระดูกสันหลัง (ด้วยการโหนบาร์ แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงพื้น ขอบอกว่าช่วยได้จริงครับ)ส่วนอาการเจ็บปวด ก็ให้กินยาบรรเทาไป ออ ผมเปิดยูทูปดูท่ากายบริหารโยคะบำบัดอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทดูด้วยครับ ดูไปก็ทำตามไป มันก็ช่วยได้อีกเหมือนกัน แต่ผมไม่แนะนำให้คุณผู้อ่านทำแบบผมนะครับ เจ็บป่วยอะไรปรึกษาคุณหมอนั่นน่ะถูกต้องที่สุด ผมไม่ได้กลัวหมอ แต่กลัวไม่มีตังค์จ่ายค่าหมอต่างหาก เอิ้กๆๆๆ ถึงวันนี้ก็ดีขึ้นมากครับ จากวันแรกที่เกิดอาการ ถึงจะยังมีอาการเจ็บอยู่เรื่อยก็ตาม แต่ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในทางบวก



คิดอยู่หลายวันเหมือนกันครับ ว่าจะหาเรื่องราวอันใดที่มันมีประโยชน์มานำเสนอคุณผู้อ่านดี สรุปได้ความสั้นๆว่า คิดไม่ออกครับ ก็เลยจะเอาของเก่ามาขายไปพลางๆก่อน แหะๆ เริ่มหมดมุขตั้งแต่เดือนที่แล้วๆละครับ เอิ้กๆๆๆ จริงๆก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยหรอกครับ มีเยอะเลยแหละ ผมไปอ่านเจออะไรที่น่าสนใจมาเยอะนะ เพียงแต่ผมต้องขอเวลากลั่นกรองอีกหน่อย ในตอนนี้จึงขอนำเสนอของเก่าที่มีอยู่แล้วแก้ขัดไปก่อน แต่หยิบมาเล่าใหม่อีกครั้ง อีกแล้วครับท่าน เป็นเพลงที่เขียนเมื่อประมาณปี54 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เนื้อหาก็จะพูดถึงเรื่องการรักษาคำพูด ซึ่งคนเรา บางทีก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ว่ากันไป เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ไม่ช้าไม่เร็ว ผมอยากทำให้มันเสร็จเป็นเพลงให้คุณผู้อ่านได้ฟังเร็วๆจริงๆนะครับ แต่ก็ด้วยข้อจำกัดที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละครับ ก็เอาเท่าที่ได้ไปก่อนแล้วกัน เพลงนี้ผมตั้งชื่อว่า ผิดสัญญา ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง สัญญา ของชาวคณะ แบล็คเฮด ในอัลบั้มชุด full flavor เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน กล่าวคือ มีแนวทางเดินคอร์ดเหมือน นิดนึง เนื้อหา จะพูดเรื่องสัญญาเหมือนกัน เพียงแต่ เนื้อหาเพลงของผมมันทำตามคำพูดไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ในเมื่อทำอย่างที่พูดไม่ได้ มันก็เหมือนคนไร้สัจจะดีๆนี่เอง ส่วนเมโลดี้ จะฟังสบายๆครับ ไม่ซีรีอัสจริงจังเหมือนเนื้อหาสักเท่าไหร่ ไปดูกันเลยครับ


ผิดสัญญา


intro:Dmaj7 Amaj7 Dmaj7 Amaj7








Dmaj7คำที่เคยบอกกันว่ารัก ที่เคยบอกกันว่าAmaj7จะอยู่ ด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไร
Dmaj7แม้ว่าวันนี้อาจไม่เป็นเช่น ดังที่เคยได้Amaj7พูดไป แต่ในใจก็ยังคงBm7หวัง
ว่าC#m7สักวันนึงCm7 จะBm7มา เริ่มC#m7ต้นกันใหม่ Cm7แห่งBm7ไหน สักC#m7ที่หนึ่ง Cm7ในBm7ห้วงแห่งวันเวEลา


Dmaj7คำที่ฉันบอกฉันยังหวัง ที่อาจฟังดูแล้ว Amaj7เพ้อเจอ แต่ว่ามันไม่เคยทำร้ายใคร
Dmaj7รู้ว่าในความเป็นจริงนั้น วันเวลาไม่เคยย้อนAmaj7คืนกลับ อาจกลับมาได้แค่เพียง
ความBm7ทรง C#m7จำ Cm7ภาพBm7ฝัน ในวันC#m7วาน Cm7ไม่Bm7จาง ยังC#m7รู้สึก Cm7ยัง Bm7คงชัดเจนในEใจ
และAmaj7ในโลกแห่งความจริงนี้ บางทีทำได้แค่Dmaj7เพียงบางอย่าง บางอย่างทำได้แค่เฝ้าดู Amaj7กาลเวลาจะบอกให้รู้ ว่าสิ่งที่เราDmaj7นั้นมีอยู่ในวันC#m7นี้ เราCm7 Bm7อาจรู้ค่าก็ต่อเมื่อEเรา ได้เสียมันDmaj7ไป


อยากให้เธอเข้าAmaj7ใจ ถ้าหาก ว่าฉัน ไม่อาจทำDmaj7ตามที่พูดเอาไว้ คำสัญญาใดAmaj7ใด ไม่เพียงจะทำร้ายใจของเธอเท่าDmaj7นั้น ยังทำร้ายใจของฉันเช่นAmaj7กัน Dmaj7ทุกคราวที่คิดถึงมันเจ็บปวด ทุกคราวที่คิดถึงคำ Amaj7สัญญา


มันออกจะเทาๆหม่นๆหน่อย พร่ำเพ้อหาอดีตความทรงจำอันแสนงดงาม อะไรทำนองนั้นละครับ ปี54 ผมก็อายุ 34 มันก็เริ่มหวนคิดถึงวันเก่าบ้างแล้ว ผมว่าคนช่วงวัยเดียวกับผมนี่ก็เริ่มเป็นอย่างงี้บ้างละน่า ช่วงปี53 54นี่เองที่ผมเริ่มทำบล็อกที่ชอบๆ เริ่มทำอะไรที่อยากทำหลายๆอย่าง ที่ตอนสมัยเรียน และตอนที่มีเพื่อนฝูงมากมายรายล้อม มันก็ไม่เอื้อให้มีสมาธิที่จะทำอะไรที่อยากจะทำเท่าไหร่ การกลับไปอยู่บ้านนั่งๆนอนๆของผมเมื่อหกเจ็ดปีก่อน ก็ไม่ได้ถือว่าสูญเปล่า เพียงแต่ไอ้สิ่งที่ผมทำและอยากทำเนี่ย มันเปลี่ยนไปเป็นเงินทองสำหรับเลี้ยงชีพไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหากผมเอาเรื่องเงินทองมาเป็นตัวตั้ง ทิศทาง ปริมาณของงานผมมันก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ ไม่รู้สินะ มันควรจะออกมาในแนวทางไหนผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน แหม่ พูดเหมือนมึงรวยแล้วอย่างงั้นเลย ไอ้เฮิร์บ ความจริงมันตรงกันข้ามมากเลยละครับ เอิ้กๆๆๆ แปปๆผ่านไปหกเจ็ดปีแล้ว อายุสี่สิบแบบไม่ทันตั้งตัวเลยครับ ผมเคยอ่านมาว่าคนเรา พอถึงช่วงอายุสามสิบกลางๆ เค้าว่ากันว่า วันเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งอายุเยอะขึ้นๆ ก็จะยิ่งรู้สึกเร็วขึ้นเรื่อยๆแปรผันตามอายุเลยว่างั้น พอถึงวันนี้ ผมก็รู้สึกอย่างที่เขาว่ามาจริงๆ มันจะเหลือเวลาให้เราได้คิดได้ทำอะไรอีกสักเท่าไหร่กัน น่าใจหายจริงๆ ภาวนาให้ไฟแห่งการสร้างสรรค์ของผมมันไม่มอดไหม้ดับไปตามวันเวลาก็พอ


หวังว่าทุกท่านที่เข้ามาอ่าน จะยังคงเข้ามาให้กำลังใจกันอยู่เรื่อยๆนะครับ อยากให้คุณผู้อ่านมีไฟไปด้วยกันครับ
พบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดีวันวิสาขบูชา สาธุครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...