วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไปดูหนังกันไหมครับ


กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งนึงครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องภูเก็ตในอีกแง่มุมนึงที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ หรืออาจจะรู้แล้ว แต่ผมก็จะเล่า เผื่อให้คนที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้กันครับ




ภูเก็ตก็คงเป็นเหมือนจังหวัดอื่นในประเทศไทย ที่มีชาวไทยเชื้อสายจีน กระจัดกระจายพำนักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนเหล่านี้ สืบทอดเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่โล้สำเภาข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีน หนีภัยสงครามและความแร้นแค้นมาเสี่ยงโชคตามดินแดนต่างๆแทบจะทั่วโลกก็ว่าได้ และแน่นอนที่สุด หนึ่งในนั้นก็ต้องมีดินแดนด้ามขวานแห่งนี้ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ศาลเจ้าแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเยื้องกับอาคารที่ทำการของธนาคารสีเขียว สวยงามมากๆครับ



การย้ายถิ่นฐานของผู้คนนั้น ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะผันตัวไปที่ใดมักจะนำวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนมาด้วยเสมอ(ไม่เฉพาะชาวจีนหรอกครับ เพราะเป็นแบบนี้กันทุกชนชาติ) ตั้งแต่อาการการกิน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รูปแบบสถาปัตยกรรมที่พักอาศัย ศาสนสถาน ตลอดจนความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในกรณีที่จะพูดถึงวันนี้คือศาลเจ้าของชาวไทยเชื้อสายจีนครับ




ในภูเก็ตจะมีศาลเจ้าต่างๆมากมายกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด(ผมเชื่อว่าอีกหลายจังหวัดในภาคใต้คงจะมีลักษณะเช่นนี้ไม่ต่างกัน ) เล็กบ้างใหญ่บ้าง บางที่ท่านอาจไม่คิดว่านี่คือศาลเจ้า เพราะดูเหมือนบ้านคนมากกว่า บางที่ท่านอาจจะเห็นเป็นศาลพระภูมิมากกว่าอย่างอื่นเป็นแน่แท้ แน่นอนว่าประเพณีตรุษจีน ถือศีลกินผัก การไหว้พระจันทร์ และอื่นๆ ย่อมจะมีศาลเจ้าเหล่านี้เข้ามามีบทบาทร่วมอยู่เสมอมิได้ขาด ในฐานะศูนย์ร่วมจิตใจของคนในชุมชน เหมือนวัดของชาวพุทธ โบสถ์ของชาวคริสต์ และมัสยิตของชาวมุสลิมนั่นเอง ดูเหมือนว่าที่ผมร่ายมาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่คุณผู้อ่านรู้กันดีอยู่แล้ว แล้วอะไรละที่ผมต้องการจะบอก แหะๆ ไม่ใช่อะไรใหญ่โตหรอกครับ คือตั้งแต่ผมมาอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตนี่ ผมจึงได้รู้ว่า วันดีคืนดี ศาลเจ้าต่างๆเขาจะมีการฉายหนังกางแปลงให้คนได้ดูกันฟรีๆครับ คุณผู้อ่านบางท่านอาจตบเข่าฉาดเข้าให้ แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างหยามหยันว่า นั่นไง กุว่าแล้วเชียว บักห่า มึงก็วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องพรรค์นี้แหละ เดาออกตั้งแต่จั่วหัวแล้ว ครับ ตั้งใจให้เดาออก ศาลเจ้าเขามีหนังกางแปลงมาฉาย ก็เลยหยิบยกมาเล่าให้ฟังครับ
ศาลเจ้าเดียวกันกับภาพแรกครับ แต่เป็นอีกมุมนึง ลายปูนปั้นเขาสวยแจ่มแมวจริงๆครับ



ช่วงเวลาปลายปีถึงต้นปีใหม่ ศาลเจ้าต่างๆมักจะมีการฉายหนังให้ดูกัน ผมเดาว่าน่าจะเป็นการฉลองการก่อตั้งศาลเจ้าแน่ๆ รึอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ(คุณผู้อ่านคงตำหนิผมว่าไม่รู้จริงแล้วพูดทำไม งั้นผมขอแถข้างๆคูๆว่า ก็ผมไม่ได้เป็นใบ้นี่ครับ เอิ้กๆๆ อันนี้ก็อบวลีเด็ดของเพื่อนมาแถครับ เอิ้กๆๆ) แต่จะไม่พร้อมกันทุกศาลนะครับ แบบว่า เหลื่อมกันสองวันสามวันจนถึงเป็นเดือนก็มี จอหนังเค้าก็ขนาดกระทัดรัดครับ สองเมตรครึ่งคูณห้าเมตรเห็นจะได้ บรรยากาศก็บ้านๆครับ บางคนปูเสื่อนอนเอกขเนกบางคนขนเอาเก้าอี้ในศาลเจ้ามานั่งเป็นวีไอพีซะ บางท่านก็หาได้นำพาอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ มาถึงก็นั่งเลย ไม่ต้องเสื้อเก้าอี้หรือหนังสือพิมพ์ ซักพักจะมีรถขายขนมมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างมาจอดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มราคาย่อมเยาว์แด่ทุกท่านด้วยนะครับ แหม เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศหนังกางแปลงแถวบ้านตอนผมเด็กๆเลยครับ คืนนึงก็จะฉายประมาณสองเรื่อง เลิกไม่ดึกครับ สี่ซ้าห้าทุ่มก็แยกย้ายแล้วครับและปักหลักฉายอยู่ตั้งแต่สามวันจนถึงหนึ่งสัปดาห์นู้นเลยละครับ


เป็นเพราะความขี้เบื่อของผม ทำให้ผมได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้โดยบังเอิญอีกเช่นเคย หลังมื้อเย็นคุณผู้อ่านเคยเป็นเหมือนผมไหม คืออิ่มแล้วไม่อยากกับไปนอนอุดอู้ในห้องพักสี่เหลี่ยมแคบๆน่ะมันน่าเบื่อครับ พอกินมื้อเย็นเสร็จผมก็มักเดินดูโน้นนี่ตามประสา ไกลหน่อยก็จักรยาน หาความสำราญตาสำเริงใจเอาแบบนี้ละครับสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยเช่นผม




 มีศาลเจ้าอยู่สองสามที่ที่ผมเคยไปนั่งดูหนังกางแปลงมาแล้ว และไปเจออีกหลายที่โดยบังเอิญผ่านไปเจอ อยู่นานๆไปจนถึงบางอ้อ อ้อออออ เทพเจ้าท่านก็ชอบความบันเทิงในโลกเซลลูลอยด์เหมือนกันแฮะ เอิ้กๆๆ พาลคิดไปว่าจังหวัดอื่นใกล้เคียงก็คงคล้ายๆอย่างนี้กระมัง รอผู้รู้มาให้ข้อมูลครับผม



ภาพบรรยากาศก่อนวันงานตรุษจีนที่ผ่านมาครับ พอดีผ่านไปแถวในเมือง เลยเก็บภาพมาฝากคุณผู้อ่าน



ว่างๆไปดูหนังกันไหมครับ
สำหรับวันนี้ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้
ขอพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวดี มีมานานแล้วครับ

กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปจากการอัพเดต​บล็อค​ไปนาน ผมก็ขออนุญาต​กลับมาทำหน้าที่อีกครั่งหนึ่ง สำหรับวั...